top of page

SKYACTIV TECHNOLOGY

เมื่อคุณกับรถเป็นหนึ่งเดียวกัน คุณจะควบคุมทุกเส้นทางได้อย่างมั่นใจ และรู้สึกเร้าใจในการขับขี่อย่างแท้จริง เพราะมาสด้าเชื่อว่า ชีวิตที่พุ่งทะยานไปกับรถที่ใช่ มันสนุก เร้าใจไม่รู้จบ

สัมผัสระบบ G-Vectoring Control (GVC) ที่จะช่วยควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล เพื่อความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันของคนกับรถมีความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS

 

อีกขั้นของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ที่ผสานการทำงานของรถทั้งคันให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ให้คุณขับสนุกเร้าใจกว่าที่เคย 

G-VECTORING CONTROL (GVC) ระบบควมคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ หนึ่งในเทคโนโลยี SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS โดยระบบจะควบคุมแรงบิดของเครื่องยนต์ และถ่ายน้ำหนักไปสู่แต่ละล้ออย่างเหมาะสม ให้ความแม่นยำและสมดุล เพื่อมอบประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือกว่า

  • เพิ่มความปลอดภัย และช่วยให้รู้สึกสบายตลอดการเดินทาง

  • ควบคุมรถได้ดั่งใจ แม่นยำในทุกสถานการณ์

  • เกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ

แบบจำลองเพื่อแสดงการทำงานของระบบ GVC 

gvc-2.jpg

*รุ่นรถในแบบจำลองนี้ ไม่มีจำหน่ายในประเทศไทย

• ขณะรถเริ่มเข้าโค้ง

เครื่องยนต์จะลดแรงบิด ทำให้น้ำหนักรถถ่ายมายังล้อหน้า เพื่อเพิ่มการยึดเกาะถนน และช่วยให้การเข้าโค้งแม่นยำ

• ขณะรถอยู่ในโค้ง

ระบบจะควบคุมน้ำหนักตัวรถให้อยู่ในสภาวะสมดุล ทั้งหน้าและหลัง เพื่อให้มีการแก้พวงมาลัยน้อยที่สุด

• ขณะรถออกจากโค้ง

ระบบจะปรับแรงบิดกลับสู่สภาวะเหมาะสม ส่งผลให้น้ำหนักถ่ายไปยังล้อหลัง ทำให้รถวิ่งออกจากโค้งอย่างมีเสถียรภาพ  

เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ (SKYACTIV Technology)

รถแรงและประหยัด มีอยู่แค่ในฝัน??

อาจไม่ใช่ทุกคน ที่เชื่อแบบนั้น...

ยังมีบางคนตั้งคำถามว่า ความหมายที่แท้จริงของรถยนต์คืออะไร?
คำตอบคือ รถที่คงความแรงและความสนุกในการขับขี่
วันนี้....มาสด้าทำให้ความหมายของรถยนต์มีคุณค่ามากขึ้น
“รถแรงที่ประหยัดน้ำมัน” ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อรอการพิสูจน์

 

เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ คือ Next-Generation Technology เทคโนโลยีของรถแรง ที่ดูแลง่าย และประหยัดในการใช้งานจริง เป็นครั้งแรกของโลก ที่รวม 5 นวัตกรรมใหม่ของรถเข้าไว้ด้วยกัน และทำงานเสริมกันเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของรถทั้งคัน

เทคโนโลยียั่งยืนที่ทั่วโลกยอมรับ
ด้วยความที่เป็นเทคโนโลยีที่ประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน จึงได้รับรางวัลมากมายจากสถาบันยานยนต์ และสถาบันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทั่วโลก

  • “The First Green Car Technology Award Winner” โดย Green Car Journal, U.S.A. ปี2013

  • “Best New Technology of the Year for 2012” โดย Le Guide de l’Auto, Canada

  • “Development of the gasoline engine which realized low fuel consumption equivalent to a Hybrid car” The Commendation of Science and Technology 2013 โดย the Minister of Education, Culture, Sports, Science and Technology: Prizes for Science and Technology

นิยามแห่งนวัตกรรมทางเทคโนโลยียานยนต์ใหม่ SKYACTIV Technology จะทำให้รถมาสด้าขับสนุก และ ประหยัดน้ำมันมากขึ้น

ความสุขในการขับรถ คือเป้าหมายหลักของวิศวกรมาสด้า เราจึงพัฒนาเทคโนโลยีสกายแอคทีฟขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของยานยนต์มาสด้ารุ่นใหม่ทั้งหมด

  • ช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์

  • เพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น พร้อมความสนุกสนานในการขับขี่


ทั้งหมดนี้ ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้เทคโนโลยี สกายแอคทีฟ ที่รวม 5 นวัตกรรมใหม่สำหรับรถทั้งคันไว้ด้วยกัน ตั้งแต่เครื่องยนต์ ระบบเกียร์ โครงสร้างตัวถังและระบบช่วงล่าง ที่จะอยู่ในรถมาสด้า เจนเนอเรชั่นใหม่ ซึ่งคุณสามารถสัมผัสด้วยตัวคุณเอง

เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ

มาสด้าแนะนำเทคโนโลยีสกายแอคทีฟครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อปี 2556 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะอยู่ในรถมาสด้าเจนเนอเรชั่นใหม่ทุกรุ่น มาสด้าเลือกที่จะเดินตามแนวคิด "กล้าที่จะต่าง" หรือ DEFY CONVENTION โดยมองลึกลงไปที่ข้อจำกัดของรถยนต์ในปัจจุบัน และศึกษาหาทางออกทางวิศวกรรมที่ช่วยให้ลบข้อจำกัดทางเทคนิคนั้นให้หมดไป เช่น ศึกษาหลักพลศาสตร์การขับขี่อย่างลึกซึ้ง เพื่อให้สามารถนำเรื่องของพลศาสตร์มาช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้แก่รถ และช่วยให้ประหยัดการใช้น้ำมันยิ่งขึ้นได้ในเวลาเดียวกัน การพัฒนารถรุ่นใหม่ๆ ของมาสด้าจะให้ความสำคัญควบคู่ไปกับการปรับปรุงเทคโนโลยียานยนต์อย่างต่อเนื่อง การปรับปรุงที่กล่าวถึงนี้หมายถึงเทคโนโลยีใหม่ของรถทั้งคัน ตั้งแต่เครื่องยนต์ ระบบเกียร์ โครงสร้างตัวถัง ช่วงล่าง และระบบบังคับเลี้ยว

ที่มาของเครื่องยนต์สันดาปภายในอุดมคติที่มาสด้าสร้างขึ้น

มาสด้าสร้างเส้นทางที่โดดเด่นของตนเองโดยชูพื้นฐานความเชี่ยวชาญจากประสบการณ์อันยาวนานของการเป็นผู้ค้นคว้าวิจัยและพัฒนาเครื่องยนต์ มีคนตั้งคำถามว่า “ทำไมมาสด้าจึงไม่คิดที่จะตีจากเครื่องยนต์ไปสู่เทคโนโลยีอื่น?” นั่นเพราะจากการศึกษาเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ได้ถูกสร้างขึ้นและพัฒนามาเป็นเวลากว่า 120 ปีนั้น พบว่าเครื่องยนต์ประเภทนี้ยังคงมีข้อจำกัดที่ทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ หรือพูดได้อีกอย่างหนึ่งว่า ยังคงมีการสูญเสียของพลังงานเชื้อเพลิงสูงถึง 70 - 90% เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้ออกมา การสูญเสียพลังงานลักษณะนี้เป็นเรื่องปกติทางธรรมชาติ โดยส่วนใหญ่เกี่ยวกับการสูญเสียเรื่องอุณหภูมิความร้อน สามารถจำแนกได้เป็นความร้อนที่สูญเสียไปกับไอเสีย ไปกับระบบหล่อเย็น ผนังเครื่องยนต์ และห้องเกียร์ หากจะลดการสูญเสียเหล่านี้ก็ต้องปรับปรุงประสิทธิภาพเชิงความร้อนของเครื่องยนต์ให้ได้ หากจะให้ได้ผลดียิ่งขึ้นก็ควรลดความเสียดทานภายในเครื่องยนต์และลดน้ำหนักของเครื่องยนต์ลงด้วย จึงเป็นเหตุให้มาสด้าทำงานอย่างหนักเพื่อเอาชนะข้อจำกัดเดิมๆ ของเครื่องยนต์

6 ตัวแปรหลักที่สามารถควบคุมได้ด้วยหลักวิศวกรรม คือ

  • อัตราส่วนการอัด (Compression Ratio)

  • อัตราส่วนอากาศต่อเชื้อเพลิง (Air-Fuel Ratio)

  • ช่วงเวลาการเผาไหม้ (Combustion Period)

  • จังหวะการเผาไหม้ (Combustion Timing)

  • การสูญเสียจากการปั๊ม (Pumping Loss)

  • การสูญเสียจากความเสียดทานเชิงกล (Mechanical Loss)

เป้าหมายคือการหาจุดหรือจังหวะที่เหมาะสมที่ทำให้ตัวแปรเหล่านี้ทำงานได้สมบูรณ์ที่สุด เพื่อก้าวไปสู่เครื่องยนต์สันดาปภายในในอุดมคติได้ ในท้ายที่สุดก็พบว่า อัตราส่วนการอัดเป็นตัวแปรที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับทั้งเครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ดีเซล

 

 

 

หนึ่งในจุดแข็งของมาสด้า คือ ศักยภาพด้านการจัดการการเปลี่ยนแปลง การจัดการเวลา และการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ได้อย่างยอดเยี่ยม ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ เครื่องยนต์โรตารี่ที่ไม่เหมือนใครของมาสด้า ที่เป็นขุมพลังให้กับรถแข่ง มาสด้า 787B ในตำนานการแข่งเลอ มังส์ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์โรตารี่หนึ่งเดียวที่ชนะในรายการแข่งขันเลอ มังส์ เมื่อปี พ.ศ. 2534 อีกตัวอย่างหนึ่งคือ มาสด้า MX-5 ที่พลิกฟื้นตลาดของโรดสเตอร์ทั่วโลก เทคโนโลยีสกายแอคทีฟกำลังจะเป็นบันทึกเหตุการณ์สำคัญอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ยานยนต์ ที่แสดงให้เห็นว่า มาสด้ากำหนดแนวทางพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองอย่างไร สิ่งนี้ได้ถูกพัฒนาโดยใช้กระบวนการของมาสด้าที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว ยกตัวอย่าง เช่น เครื่องยนต์สกายแอคทีฟใหม่ มิได้ถูกพัฒนาโดยฝ่ายวิศวกรเครื่องยนต์เพียงฝ่ายเดียว แต่เริ่มจากทีมงานทั้งหมดที่เชี่ยวชาญในแต่ละองค์ประกอบของรถยนต์ รวมถึงฝ่ายออกแบบรถยนต์ด้วย เพื่อร่วมกันพัฒนาให้ได้เครื่องยนต์ต้นแบบที่ดีที่สุดขึ้นมาก่อนในเบื้องแรก แล้วใช้เครื่องต้นแบบนั้นเป็นพื้นฐานในการพัฒนาเครื่องยนต์ใหม่ทุกรุ่นที่จะผลิต โดยยังไม่คำนึงถึงข้อจำกัดเรื่องจำนวนกระบอกสูบหรือชนิดของเชื้อเพลิงทั้งสิ้น และทำให้มาสด้าได้พื้นฐานของเครื่องยนต์เจนเนอเรชั่นใหม่ที่ทีมวิศวกรแผนกอื่นๆ สามารถนำไปทำงานต่อและต่อยอดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด 

 

เซอิตะ คาไน มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเราทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยกันใช้ความรู้ทางวิศวกรรมออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มากด้วยประสิทธิภาพ สมรรถนะ และคุณภาพดีที่สุดที่ไม่เคยมีมาก่อน ดังนั้น เราจึงลองทุกอย่าง เช่น ลองทำให้กระบอกสูบใหญ่ขึ้น ลองให้เล็กลง ลองเพิ่มลองลดจำนวนกระบอกสูบ สี่สูบบ้าง หกสูบหรือสามสูบบ้าง ลองทุกๆ ความเป็นไปได้ เพื่อที่จะสร้างเครื่องยนต์ที่สามารถรองรับการใช้งานที่หลากหลายในอนาคตขึ้นมา”

แทนที่จะลดขนาดเครื่องยนต์ มาสด้าเลือกเครื่องยนต์ขนาดเหมาะสมแต่ให้อัตราส่วนการอัดสูง

มีผู้ผลิตรถยนต์หลายรายที่พยายามปรับปรุงการประหยัดเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์เบนซินโดยเลือกที่จะลดขนาดของเครื่องยนต์ลง (Downsizing) แต่การลดขนาดก็เท่ากับลดกำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์ลงด้วย เพื่อรักษากำลังของเครื่องยนต์จึงต้องชดเชยด้วยการนำอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยใช้ตัวช่วยคือ เทอร์โบชาร์จเจอร์ และซูเปอร์ชาร์จเจอร์

ถึงแม้ว่าจะเป็นวิธีที่ผู้ผลิตรายอื่นเลือกแล้วคิดว่าได้ผล แต่มาสด้ากล้าที่จะเลือกใช้แนวทางอื่นที่ยากและท้าทายความสามารถมากกว่า ดังเช่นที่กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ การพัฒนาเครื่องยนต์ในอุดมคตินั้นเป็นหลักการสำคัญของยุทธศาสตร์การพัฒนาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนของมาสด้า สำหรับเครื่องยนต์เบนซินในอุดมคตินั้น ต้องทำให้อัตราส่วนการอัดเพิ่มสูงขึ้น ยิ่งสูงเครื่องยนต์ก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น

bottom of page